ค้นหา
Tips&Ideas
กระเบื้องแต่ละประเภทนั้นมีคุณสมบัติข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป ดังนั้นนอกจากเรื่องของสีสัน และลวดลายของกระเบื้องแล้ว เรายังควรที่จะคำนึงถึงการดูดซึมน้ำ หรือความแข็งแรงของกระเบื้องอีกด้วย เพื่อที่จะได้สามารถเลือกกระเบื้องให้ถูกต้อง และเหมาะสมตามลักษณะการใช้งาน ทั้งยังสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของกระเบื้องออกไปอีกด้วย
กระเบื้องปูพื้นมี 2 ประเภทดังนี้
คือ กระเบื้องที่เหมาะสำหรับการนำมาบุผนังภายในอาคาร หรือที่พักอาศัยเนื่องจากมีน้ำหนักเบา การพรุนตัวของกระเบื้องค่อนข้างสูง และมีเปอร์เซ็นต์การดูดซึมของประมาณ 15-20% ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงถ้าเทียบกับกระเบื้องประเภทอื่น ไม่ควรนำกระเบื้องผนังไปใช้งานที่ต้องรองรับน้ำหนักมาก ๆ หรือโดนการขูดขีดอยู่เสมอกระเบื้องประเภทนี้จึงไม่เหมาะสำหรับนำมาปูพื้น กระเบื้องผนังโดยส่วนใหญ่จะเป็นกระเบื้องเคลือบมีผิวมันจึงไม่เหมาะที่จะนำไปปูพื้นห้องน้ำ หรือใช้งานที่ต้องสัมผัสน้ำอยู่เสมอ
วัตถุประสงค์หลักของกระเบื้องชนิดนี้ คือนำมาปูพื้น เนื่องจากกระเบื้องชนิดนี้นั้นมีเปอร์เซ็นต์การดูดซึมน้ำค่อนข้างต่ำถึงปานกลางประมาณ 3-6% ทั้งยังมีความคงทน และแข็งแรงในระดับหนึ่งจึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะนำมาใช้ปูพื้นทั่วไปภายในอาคารที่พักอาศัยการปูพื้นด้วยกระเบื้องนั้นยังช่วยทำให้การทำความสะอาดนั้นง่ายขึ้นอีกด้วย
18x122 cm, 15x75 cm, 10x60 cm
คือกระเบื้องเคลือบ การดูดซึมน้ำของกระเบื้องชนิดนี้นั้นต่ำมากอยู่ที่ประมาณน้อยกว่าหรือเท่ากับ 0.5% เท่านั้นทั้งยังแข็งแรง และทนทานต่อแรงเสียดสีการขีดข่วนจึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะนำมาบุผนัง หรือปูพื้นทั้งภายใน และภายนอกอาคาร
ความจริงแล้ว คือกระเบื้องชนิดเดียวกันกับกระเบื้องพอร์ซเลนเพียงแต่กระเบื้องแกรนิตนั้นไม่ได้เคลือบ กระเบื้องแกรนิตเป็นกระเบื้องที่ได้รับการยอมรับว่ามีความแข็งแรง และทนทานต่อการขีดข่วน เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการเผาที่มีอุณหภูมิสูงถึง 1300 องศาเซลเซียสทำให้กระเบื้องชนิดนี้มีความแข็งแรงอย่างยิ่ง
เป็นกระเบื้องที่มีความมันวาว เนื้อโปร่งแสงเนื่องจากทำมาจากแก้วผสมสารเคมีเพื่อทำให้ได้สีที่ต้องการ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะนำมาใช้สำหรับการตกแต่งผนังภายใน หรือภายนอกรวมทั้งสระว่ายน้ำเพราะมีอัตราการดูดซึมน้ำที่ต่ำมาก ไม่เหมาะสำหรับการนำมาปูพื้นเพราะไม่ทนต่อการขีดข่วน
เป็นกระเบื้องแผ่นเล็ก ๆ ที่เรามักจะเห็นตามโบราณสถาน หรือสถานที่ท่องเที่ยวนำมาประดับเรียงไว้เป็นลวดลายต่าง ๆ สวยงาม กระเบื้องชนิดนี้จะมีขนาดเล็กโดยทั่วไปจะไม่เกิน 4’’x4’’ เหมาะสำหรับการนำมาตกแต่งผนัง หรือใช้ปูสระว่ายน้ำเนื่องจากกระเบื้องชนิดนี้มีเปอร์เซ็นต์การดูดน้ำต่ำ
ประเภท | ข้อดี | ข้อเสีย |
กระเบื้องพอร์ซเลน | - มีความแข็งแรง ทนทาน - พื้นผิวเรียบเนียน มีให้เลือกทั้งแบบผิวมัน และผิวด้าน - สีสันมีให้เลือกมากกว่าแบบแกรนิตโต้ - ทำความสะอาดง่าย | - แพงกว่ากระเบื้องเซรามิกธรรมดา |
กระเบื้องแกรนิตโต้ | - มีความแข็งแรงและทนทานสูง - รองรับน้ำหนักได้สูง ดูดซึมน้ำต่ำ - ทำความสะอาดได้ง่าย ทนทานต่อการขีดข่วน | - มีน้ำหนักมาก - ค่าปูกระเบื้องค่อนข้างแพง - ราคาค่อนข้างสูง ทำความสะอาดยาก |
กระเบื้องแก้ว | - ไม่อมความชื้น - มีลวดลายให้เลือกหลากหลาย - สีสัน และลวดลายสวยงาม | - ราคาสูง - ติดตั้งยาก เนื่องจากชิ้นกระเบื้องค่อนข้างเล็ก - รองรับน้ำหนักได้น้อย - ความแข็งแรงทนทานต่ำ แตกง่าย |
กระเบื้องโมเสก | - สีสันสดใส สวยงาม ทำให้บ้านโดดเด่นดูมีสไตล์มากขึ้น | - การปูกระเบื้องโมเสกจะมีร่องยาแนวที่ถี่มาก |
ผิวสัมผัสมัน ( Polished ), ด้าน ( Matt ) มีค่ากันความลื่น
1. กระเบื้องสีพื้น ( Pure Color )
2. กระเบื้องลายหินอ่อน ( Carara )
3. กระเบื้องลายซีเมนต์ ( Cement )
4. กระเบื้องลายหิน ( Stone and Marble )
5. กระเบื้องลายหินลาวา ( Travertine )
6. กระเบื้องลายหินขัด ( Terrazzo )
7. กระเบื้องลายไม้ ( Wood )
8. กระเบื้องยาง ( พื้นไม้ SPC )
ผิวสัมผัสมัน ( Polished ), ด้าน ( Matt )
1. กระเบื้องสีพื้น ( Pure Color )
2. กระเบื้องลายหินอ่อน ( Carara )
3. กระเบื้องลายซีเมนต์ ( Cement )
4. กระเบื้องลายหิน ( Stone and Marble )
5. กระเบื้องลายหินลาวา ( Travertine )
6. กระเบื้องลายหินขัด ( Terrazzo )
7. กระเบื้องลายอิฐ ตกแต่ง ( Subway and Decor )
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่ากระเบื้องแต่ละประเภทนั้นมีคุณสมบัติและลักษณะการใช้งานแตกต่างกันออกไป ดังนั้นเราจึงควรศึกษาหาข้อมูลให้ดีก่อนทำการเลือกซื้อเพื่อที่จะได้เลือกกระเบื้องอย่างถูกต้องตรงตามลักษณะของการใช้งาน