ค้นหา
Tips&Ideas
การเลือกวิธีปูกระเบื้องควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ประเภทของพื้นผิวที่ต้องการปูกระเบื้อง ลักษณะการใช้งานของพื้นที่ และงบประมาณ เป็นต้น หากพื้นผิวเรียบ และต้องการปูกระเบื้องในระยะเวลาอันสั้น การปูกระเบื้องแบบเปียกก็อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่ถ้าพื้นผิวไม่เรียบ หรือต้องการปูกระเบื้องในพื้นที่สูง และมีโครงเหล็กเสริมความทนทานต่อการสั่นสะเทือน การปูกระเบื้องแบบแห้งก็เป็นวิธีที่เหมาะสมเช่นเดียวกัน
ประเภท | การปูกระเบื้องแบบเปียก | การปูกระเบื้องแบบแห้ง |
เหมาะสำหรับ | ปูงานพื้น และงานผนังภายในอาคาร หรือผนังที่สูงไม่เกิน 3 เมตร หากต้องการปูผนังสูง ควรใช้ปูนซีเมนต์ที่มีการยึดเกาะพิเศษกว่ารุ่นธรรมดา | ปูงานผนังภายนอก อาคารสูง สำหรับกระเบื้องหนา 2 cm ขึ้นไป หรืองานหินที่มีความหนาเท่านั้น |
ต้นทุน | ต้นทุน : ต่ำ -กระเบื้องสามารถหลุดล่อนออกได้ | ต้นทุน : สูง -กระเบื้องไม่สามารถหลุดล่อนออกได้ |
เวลาในการดำเนินการ | -วิธีการปูกระเบื้องแบบเปียก ทำง่ายกว่า แต่คุณจะเสียเวลาในการติดตั้งมากกว่า | -วิธีการปูกระเบื้องแบบแห้ง ประหยัดเวลาในการติดตั้ง ให้ความสะดวก สบาย และรวดเร็ว |
ความคงทน | สามารถอยู่ได้ระยะยาวเกิน 20+ ปี สำหรับงานพื้น และงานผนังสูงไม่เกิน 3เมตร แต่หากผนังแนวสูงเกิน 3เมตร อาจมีการหลุดล่อนหลังใช้ไปสักระยะเนื่องจากกาวซีเมนต์เสื่อมสภาพ | -ทนต่อสภาพอากาศ ทนแดด ทดฝน -แข็งแรง คงทนกว่า เพราะมีเหล็กยึดกระเบื้องอยู่ |
ข้อจำกัด | -แรงงานทั่วไปสามารถทำได้ | -ต้องใช้คนงานที่มีทักษะ |
ซ่อมแซม | -สามารถเปลี่ยนกระเบื้องแผ่นที่ชำรุดได้ง่ายกว่า เปลี่ยนเฉพาะแผ่นที่ชำรุดได้ | -เมื่อกระเบื้องเกิดความเสียหายไม่สามารถเปลี่ยนแค่แผ่นเดียวได้ต้องเปลี่ยนแผ่นอื่นด้วย |
-ใช้ได้ทั้ง ภายใน และภายนอกอาคาร | -ส่วนใหญ่ใช้สำหรับ ภายนอกของอาคาร | |
-การติดตั้งระหว่างผนังกับกระเบื้อง มีระยะห่างประมาณ 2-3 มิลลิเมตร | -การติดตั้งระหว่างผนังกับกระเบื้อง มีระยะห่างประมาณ 30-45 มิลลิเมตร |
ทั้งนี้ การปูกระเบื้องแบบเปียก และการปูกระเบื้องแบบแห้งต่างก็มีข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกันไป การเลือกวิธีปูกระเบื้องที่เหมาะสมควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ประเภทของพื้นผิวที่ต้องการปูกระเบื้อง ลักษณะการใช้งานของพื้นที่ งบประมาณ เป็นต้น
สำหรับลูกค้าที่ต้องการปูงานพื้น และผนังที่สูงไม่เกิน 3 เมตร ทางไทย สุงฯ แนะนำวิธีการปูกระเบื้องแบบเปียก ตามขั้นตอนต่อไปนี้
ให้ช่างหน้างานเคลียร์พื้นที่ ที่ต้องการจะปูกระเบื้อง ให้แน่ใจว่าได้ระดับเท่ากัน ไม่มีเศษหิน หรือแน่ใจว่าพื้นผิวที่ต้องการสะอาด และแห้งดีแล้ว ต่อมาเอาผงฝุ่น และความมันออกจากพื้นผิวถ้ามี หากพื้นผิวมีรอยแตก หรือรูขนาดใหญ่ ให้ซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อน
ประเมินพื้นที่จริงหน้างานว่าขนาดกว้าง และยาว เท่าไร เพื่อคำนวณปริมาณกระเบื้องที่เหมาะสม และจัดแผนการวางกระเบื้องให้ลงบนพื้นที่นั้น ๆ โดยสามารถใช้เครื่องมือในการตัดกระเบื้องแต่งให้เข้ากับขอบ หรือมุมได้อย่างเหมาะสม
ผสมปูนกาวตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์ เนื่องจากปูนกาวแต่ละรุ่นมีความหนืดต่างกัน โดยต้องใช้ปริมาณน้ำที่ผสมแตกต่างกันไป กรณีที่เป็นงานผนัง หรือ งานกระเบื้องปูพื้นภายนอกต้องเจอกับสภาพอากาศที่แปรปรวน แนะนำให้ใช้ปูนกาวเป็นปูนกาวพิเศษสำหรับการปูกระเบื้องภายนอกเท่านั้น เพื่อให้มีความยืดหยุ่น กันน้ำได้ดี และยับยั้งการเกิดเชื้อราเบื้องต้นได้
ใช้คีม หรือไม้ขูดกาวเพื่อทาปูนกาวลงบนพื้นหน้างานที่เตรียมไว้ และทาปูนกาวลงที่หลังของกระเบื้อง หลังจากนั้นช่างควรใช้ค้อนยางเพื่อกดแน่นกระเบื้องลงบนปูนกาว
วางกระเบื้องลงบนปูนกาวด้วยความระมัดระวัง เริ่มจากปูกระเบื้องจากตัวมุมห้องในพื้นหน้างาน และใช้อุปกรณ์ทำประเมินระยะห่างระหว่างกระเบื้อง เพื่อให้มีความเท่ากัน
ในกรณีที่มีกระเบื้องใหญ่ ควรวางกระเบื้องเพื่อให้มีระยะห่างที่เท่ากัน ตัวคัดร่อง ขนาดเล็กสำหรับการช่วยปรับระยะห่าง และ ตัวปรับระดับ ช่วยลดการโก่งงอของกระเบื้อง
หลังจากปูกระเบื้องเสร็จสิ้น ล้างคราบยาแนวที่เกินขอบกระเบื้องด้วยน้ำสะอาด อย่าปล่อยให้กาวแห้งบนพื้นผิวกระเบื้องเป็นเวลานาน เนื่องจากจะทำความสะอาดได้ยากในภายหลัง
หลังจากกระเบื้องแห้งแล้ว ควรทำความสะอาด และบำรุงรักษากระเบื้องตามคำแนะนำของผู้ผลิตเพื่อรักษาความสวยงาม และความทนทาน เช่น
● ควรทำความสะอาดกระเบื้องด้วยน้ำสะอาด หรือผสมผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์ และไม่ควรราดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบนผิวหน้ากระเบื้องไว้นานเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดคราบติดกระเบื้องได้รอให้ปูนแห้งสนิทเป็นเวลา 24 - 48 ชม. ก่อนยาแนว หากเกิดการขยับของกระเบื้องก่อนที่ปูนจะแห้งสนิท อาจทำให้กระบื้องเอียง และหมิ่นเสียหายได้ รอให้ปูนแห้งสนิทเพื่อให้เห็นคุณสมบัติที่ดีที่สุดก่อนที่จะนำใช้งาน
( ภาพตัวอย่างการปูแบบแห้งด้วยกระเบื้อง รหัสสินค้า GT6633N )
ตรวจสอบว่าผนังเรียบ และไม่มีความเสียหาย ถ้ามีความเสียหายให้ซ่อมแซมก่อนติดกระเบื้อง ทั้งนี้ก่อนติดตั้งกระเบื้องแบบแห้งให้ปรึกษาวิศวกรผู้คุมงานว่าผนัง และโครงสร้างสามารถรับน้ำหนักได้ หรือเปล่า เนื่องจากน้ำหนักของกระเบื้อง และโครงเหล็กจะไปกดทับโครงสร้าง
เตรียมผนังที่ต้องการติดตั้ง เช่น เคลียผนังที่มีปูนที่แตกเป็นรูขนาดใหญ่ ด้วยการซ่อมพื้นผิวให้เรียบได้ระดับที่เสมอกัน เพื่อสะดวกต่อการเจาะเพื่อติดตั้ง หรือมีวัสดุอื่นติดอยู่ที่ผนัง เช่น ซึ่งอาจทำให้การติดตั้งด้วยการเจาะไม่ตรงตามตำแหน่งที่ต้องการ ควรเคลียวัสดุอื่นออกจากพื้นที่ ที่ต้องการติดตั้งให้หมด
ติดตั้งโครงเหล็ก และกระเบื้องเข้าด้วยกัน โดยใช้เครื่องเจาะรู เพื่อเจาะรูในผนังตามตำแหน่งที่ต้องการ ติดกระเบื้องใส่กับเหล็ก เจาะรูให้ตรงตามรูที่เจาะ และใส่นอตติดกับเหล็ก วางกระเบื้องให้ระยะห่างเท่ากัน
ใช้เครื่องมือในการวัดระนาบ และระดับของกระเบื้อง กรณีที่กระเบื้องมีความลอย หรือไม่ได้ระดับ ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระเบื้องมีการวางแน่น และไม่มีรอยแตกร้าว
สุดท้ายให้ทำความสะอาดผนัง และกระเบื้อง ไม่ให้เกิดการสะสมของฝุ่น ลดการเกิดคราบฝังแน่น หรือไม่ให้เศษเหล็ก, เศษกระเบื้อง ยังคงหลงเหลืออยู่